กติกา โป๊กเกอร์ และวิธีเล่นสำหรับมือใหม่ 2023
1 min read
โป๊กเกอร์ เป็นเกมประเภทหนึ่งที่เล่นเพื่อความสนุกสนาน ผ่อนคลายตัวเอง และใช้สติปัญญาและความกล้าหาญในการตัดสินใจ เน้นเทคนิคการเล่นมากกว่าดวง เล่นง่าย แต่ยากที่จะเชี่ยวชาญ ในกระบวนการเล่น ผู้เล่นต้องใช้สมองและแข่งขันกับผู้เล่นอื่นด้วย ดังนั้นผู้เล่นจะต้องรู้ทั้งเขาและเรา เข้าใจทั้งฝ่ายตนเองและฝ่ายตนให้ดีเพื่อชัยชนะ
กฎและวิธีเล่น
แต่ละเกม โป๊กเกอร์ มีหลายรอบให้เดิมพัน การเดิมพันจะเริ่มเดิมพันก่อนที่จะมีการแจกไพ่ และหลังจากแจกไพ่จนเต็มตามกติกาของประเภทนั้นๆ จากนั้นจึงนำไพ่มาผสมกันเป็นไพ่ 5 ใบ เทียบลำดับไพ่เพื่อวัดคะแนนว่าใครได้แต้มมากที่สุด เป็นอันจบเกม แต่ละเกมจะมีผู้ชนะหรือเสมอเพียงหนึ่งเดียว
- ในการเริ่มเกม จะเริ่มจากเจ้ามือหรือเจ้ามือ แจกไพ่ให้ทุกคนบนโต๊ะถือไว้ในมือ (Hold card)
- หลังจากที่ทุกคนได้ไพ่ตามจำนวนที่กำหนดแล้ว ผู้เล่นคนแรกที่เล่นคือคนที่อยู่ทางซ้ายของบิ๊กบลายด์
- เมื่อผู้เล่นดูไพ่ของพวกเขาแล้ว พวกเขามีตัวเลือกหนึ่งในสี่ตัวเลือก
- Fold การหมอบหรือทิ้งไพ่ในมือ เพราะพวกเขาไม่ต้องการลงเล่นในเกมนั้น
- Call การวางเดิมพันตามจำนวนชิปสูงสุดที่เดิมพันบนโต๊ะในรอบนั้น
- Raise การเพิ่มจำนวนเงินเดิมพันสูงสุดบนโต๊ะ ตามกฎแล้ว หากผู้เล่น Raise ผู้เล่นคนอื่นจะต้องคอลเพื่อทำให้ชิปเท่ากัน เพิ่มเงินเดิมพัน หรือหมอบเมื่อไม่จำเป็นต้องเล่นต่อ
- Check เป็นการขอให้ผ่านเมื่อชิปเดิมพันของเราเท่ากับชิปเดิมพันสูงสุดบนโต๊ะในขณะนั้น และเราไม่ต้องการเพิ่มเงินเดิมพันอีก หากทุกคนตรวจสอบทั้งหมด เจ้ามือจะแจกไพ่เพิ่มเพื่อเริ่มรอบต่อไป ผู้เล่นมักจะส่งสัญญาณด้วยการเคาะโต๊ะ
- ผู้เล่นที่ยังไม่ทิ้งไพ่ ให้เล่นด้วย 4 ตัวเลือกด้านบนเช่นเดิม เมื่อเล่นเสร็จแล้วจะเข้าสู่รอบต่อไป เจ้ามือจะดำเนินการแจกไพ่กองกลางใบที่ 4 เรียกว่าเทิร์น และดำเนินการเล่นรอบต่อไป
- เมื่อเล่นรอบจนถึงรอบสุดท้าย เจ้ามือจะแจกไพ่กองกลางใบสุดท้ายเรียกว่า ริเวอร์ และนี่จะเป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้าย
- ในตอนท้ายของรอบสุดท้าย ผู้เล่นที่เหลือจะต้องแสดงไพ่เพื่อเปรียบเทียบคะแนนเพื่อดูว่าใครจะรวมไพ่ 2 ใบในมือกับไพ่ 5 ใบบนโต๊ะเพื่อให้ได้ไพ่แต้มสูงสุด ซึ่งจะมีลำดับคะแนนอย่างไรเดี๋ยวจะมาบอกในข้อต่อไปนะครับ
ลำดับไพ่ โป๊กเกอร์ กติกาพื้นฐานที่ต้องรู้
ผู้เล่น โป๊กเกอร์ ที่สำคัญควรรู้วิธีอ่านลำดับไพ่ในเกมทุกประเภท รวมถึง Texas Hold’em, Omaha และรูปแบบอื่นๆ การรู้ว่าไพ่ใบใดใหญ่กว่าหรือเล็กกว่าจะช่วยให้คุณเล่นได้อย่างมีทักษะและซับซ้อนยิ่งขึ้น เพราะลำดับของไพ่จะช่วยให้คุณสามารถคาดเดาสถานการณ์ได้ในระดับหนึ่ง ที่นี่ คุณจะพบตัวอย่างไพ่ทั้ง 10 ประเภท ตลอดจนคำอธิบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการเล่นสำหรับลำดับไพ่แต่ละใบ
- Royal Straight Flush
คือไพ่ที่เรียงกันด้วย Ace, K, Q, J, 10 ด้วยดอกเดียวกัน เป็นการเรียงไพ่ที่ใหญ่ที่สุด โอกาสออกแบบนี้น้อยมากๆ ถ้าไม่ดวงดีจริงๆ คงไม่ออกมาเลย โอกาสออกอยู่ที่ 0.00015% - Straight Flus
คือไพ่ที่เรียงกัน 5 ใบด้วยดอกเดียวกันทั้งหมด ออกยากมาก แต่ก็มีโอกาสเห็นกันได้อยู่บ้าง โอกาสออกอยู่ที่ 0.0015% - Four of kind
คือไพ่แต้มเดียวกัน 4 ใบเรียงกัน โอกาสออก 0.024% - Full House
คือไพ่เรียงด้วยตอง 1 ชุด และ คู่ 1 ชุด ถ้าผลออกมาเท่ากับผู้เล่นอื่น ให้ตัดสินจากเลข ตองก่อน แล้วดูที่คู่ว่าใครใหญ่กว่า โอกาสออก 0.14% - Flush
คือไพ่ที่มีดอกเดียวกันทั้งหมด แบบไม่ได้เรียงลำดับ ถ้ามีผู้เล่นอื่นออกเหมือนกันให้นับตัวใหญ่สุดเป็นตัว Kicker โอกาสออก 0.2% - Straigh
คือไพ่ที่เรียงลำดับกัน 5 ใบแบบดอกใดก็ได้ ถ้ามีผู้เล่นอื่นออกเหมือนกันให้นับตัวที่ใหญ่สุดเป็นตัว Kicker โดย Ace ถือเป็นได้ทั้งแต้มใหญ่สุด หรือเล็กสุด โดย ถ้าเรียง A, K, Q, J, 10 จะถือว่า Ace ใหญ่สุด แต่ 5, 4, 3, 2, A จะถือว่า Ace เล็กสุด โอกาสออก 0.39% - Three of kind
คือไพ่ที่มีแต้มเดียวกัน 3 ใบเรียงกัน ถ้าผู้เล่นอื่นออกเหมือนกันให้ดูอีก 2 ตัวที่เหลือเป็นตัว Kicker โอกาสออก 2.1% - Two Pair
คือไพ่คู่ 2 คู่ ถ้ามีผู้เล่นอื่นออกเหมือนกันให้ดูคู่แรกก่อน และคู่ที่สองตามลำดับ ถ้าเหมือนกันอีกให้ดูตัวสุดท้ายเป็น Kicker โอกาสออก 4.75% - One pair
คู่เดียว เป็นไพ่ที่ออกบ่อยมากที่สุด นับว่าคู่ใครใหญ่กว่า แต่ถ้าออกแต้มเท่ากันให้ดูไพ่ที่เหลือว่าใครใหญ่กว่าเป็น Kicker โอกาสออก 42% - High Card
ไพ่แต้มสูง กรณีไม่ตรงกับการเรียงแบบไหนเลย ใครแต้มสูงกว่าชนะ ถ้าแต้มเท่ากันดูใบถัดไป แต่ถ้ายังเท่ากันอีกแบ่งเงินกองกลาง โอกาสออก 50%